แผ่นเกมส์ PS4 Dragon Age: Inquisition Deluxe Edition
ปล่อย ข้อมูลใหม่ของตัวเกมมาให้เราได้ชมเยอะมากสำหรับ Dragon Age Inquisition ภาคที่ 3 ของซีรี่ย์ Dragon Age ที่ใช้เวลาในการพัฒนามานานมากทีเดียวเพื่อเป็นการกอบกู้ชื่อของ Bioware ขึ้นมาอีกครั้งและในวันนี้เราก็ได้รับข้อมูลใหม่อย่างเยอะของตัวเกมจากทาง นิตยสาร Official Xbox Magazine มาให้ได้ชมกันแล้ว ซึ่งยืนยันแล้วว่ามีฉากจบถึง 40 แบบและไม่มี DLC สำหรับสมาชิกใน Party แบบภาคที่แล้วแน่นอน
-”เรามีสามวงล้อที่เราใช้ในการโต้ตอบการสนทนาต่างๆ” David Gaider มือเขียนบทอาวุโสของ Bioware กล่าว “หนึ่งในั้นเราเรียกมันว่า ‘tone wheel ที่จะเป็นตัวเลือกในส่วนของการสวมบทบาทเป็นหลัก อีกสองวงที่เหลือคือ ‘choice wheel’ สำหรับการกระทำต่างๆและออกความเห็น และ ‘reaction wheel’ สำหรับการแสดงอารมณ์ในขณะนั้น”
4. The Inquisitor:
ปล่อย ข้อมูลใหม่ของตัวเกมมาให้เราได้ชมเยอะมากสำหรับ Dragon Age Inquisition ภาคที่ 3 ของซีรี่ย์ Dragon Age ที่ใช้เวลาในการพัฒนามานานมากทีเดียวเพื่อเป็นการกอบกู้ชื่อของ Bioware ขึ้นมาอีกครั้งและในวันนี้เราก็ได้รับข้อมูลใหม่อย่างเยอะของตัวเกมจากทาง นิตยสาร Official Xbox Magazine มาให้ได้ชมกันแล้ว ซึ่งยืนยันแล้วว่ามีฉากจบถึง 40 แบบและไม่มี DLC สำหรับสมาชิกใน Party แบบภาคที่แล้วแน่นอน
- โดยพื้นที่ 2 ที่ๆเหลือที่อาจจะไปได้ก็คือเขตพื้นที่สงครามใน Orlais และสุสานของเหล่าเอลฟ์ที่ถูกขนานนามว่า Emerald Graves
- คุณ Mark Darrah โปรดิวเซอร์ของตัวเกมได้บอกว่า Emerald Graves นั้นคือสถานที่ๆเหล่า Dalish Elves มาเพื่อปูลกต้นไม้หนึ่งต้นให้กับทุกชีวิตของเหล่าทหารที่ถูกสังหารใน Exalted Marches
- ตามรายงานของนิตยสารนั้นเลเวลของศัตรูนั้นจะไม่ขึ้นกับผู้เล่น และสภาพแวดล้อมต่างๆของตัวเกมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างเห็นได้ชัดไม่ ว่าจะเป็นเส้นทางการค้า ฐานที่มั่นและระบบนิเวศน์ต่างๆ
- พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆสามารถนำมาคราฟท์ได้และสามารถขาดแคลนได้ด้วยและเมื่อ มันขาดแคลนก็จะทำให้พืชหรือสัตว์ในพันธุ์อื่นๆเติบโตได้มากขึ้น
- การกำจัดหน่วยข่าวกรองของศัตรูอย่างเช่นพวกโจรหรือมังกรนั้นจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญให้กับพื้นที่นั้นๆ
2. เหล่าผู้ติดตามแห่ง Dragon Age Inquisition:
- คุณ Mark Darrah โปรดิวเซอร์ของตัวเกมได้บอกว่า Emerald Graves นั้นคือสถานที่ๆเหล่า Dalish Elves มาเพื่อปูลกต้นไม้หนึ่งต้นให้กับทุกชีวิตของเหล่าทหารที่ถูกสังหารใน Exalted Marches
- ตามรายงานของนิตยสารนั้นเลเวลของศัตรูนั้นจะไม่ขึ้นกับผู้เล่น และสภาพแวดล้อมต่างๆของตัวเกมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างเห็นได้ชัดไม่ ว่าจะเป็นเส้นทางการค้า ฐานที่มั่นและระบบนิเวศน์ต่างๆ
- พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆสามารถนำมาคราฟท์ได้และสามารถขาดแคลนได้ด้วยและเมื่อ มันขาดแคลนก็จะทำให้พืชหรือสัตว์ในพันธุ์อื่นๆเติบโตได้มากขึ้น
- การกำจัดหน่วยข่าวกรองของศัตรูอย่างเช่นพวกโจรหรือมังกรนั้นจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญให้กับพื้นที่นั้นๆ
-
มันจะไม่มี DLC Companions หรือผู้ติดตามแน่นอน โดยทาง Creative Director
Mike Laidlaw ได้กล่าวไว้ว่า
“เพราะเราได้ลงลึกไปกับระบบตัวละครของผู้ติดตามไปมากทำให้มันไม่สามารถนำมา
เพิ่มทีหลังได้ ทั้งหมดจะอยู่ในแผ่นที่คุณซื้อ
เพื่อไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราบังคับให้คุณซื้อคอนเทนท์ที่คุณสมควร
ได้รับมันอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องนั้น
แต่เราตัดสินใจในครั้งนี้ว่าเราจะไม่ไปเส้นทางนั้น มันจะไม่มี DLC
สำหรับสมาชิกใน Party แน่นอน”
- Solas หนึ่งในผู้ติดตามในภาคนี้ Apostate ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่ง Fade
- The Iron Bull ก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ได้รับการยืนยันแล้ว นักรับรับจ้างตาเดียวผู้ถูกขับไล่จากวิถีแห่ง Quanri
- Sera อีกหนึ่งผู้ติดตามที่ได้รับการยืนยันกับนักธนูเอลฟ์ที่ยังไม่ค่อยมีข้อมูลออกมามากนัก
3. The Dialogue Wheel วงล้อสนทนา:
- Solas หนึ่งในผู้ติดตามในภาคนี้ Apostate ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่ง Fade
- The Iron Bull ก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ได้รับการยืนยันแล้ว นักรับรับจ้างตาเดียวผู้ถูกขับไล่จากวิถีแห่ง Quanri
- Sera อีกหนึ่งผู้ติดตามที่ได้รับการยืนยันกับนักธนูเอลฟ์ที่ยังไม่ค่อยมีข้อมูลออกมามากนัก
3. The Dialogue Wheel วงล้อสนทนา:
-”เรามีสามวงล้อที่เราใช้ในการโต้ตอบการสนทนาต่างๆ” David Gaider มือเขียนบทอาวุโสของ Bioware กล่าว “หนึ่งในั้นเราเรียกมันว่า ‘tone wheel ที่จะเป็นตัวเลือกในส่วนของการสวมบทบาทเป็นหลัก อีกสองวงที่เหลือคือ ‘choice wheel’ สำหรับการกระทำต่างๆและออกความเห็น และ ‘reaction wheel’ สำหรับการแสดงอารมณ์ในขณะนั้น”
4. The Inquisitor:
- จะมีเสียงพาย์สำหรับตัวเอก 4 เสียงแบ่งเป็นเพศละ 2 เสียงสำหรับทุกเผ่า
- โดยสาเหตุที่แต่ละเผ่านั้นใช้เสียงเดียวกันทาง Mike Laidlaw ได้บอกกว่า “มันเป็นเรื่องของขนาดของไฟล์ ที่ถ้ามันมีถึง 8 เสียง 2 เสียงสำสำหรับแต่ละเผ่านั้นจะต้องใช้แผ่นดิสก์ถึง 14 แผ่นในการติดตั้งตัวเกมหรืออะไรประมาณนั้น เราคิดว่า 4 เสียงนั้นน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับตัวเลือกของผู้เล่น”
- Bioware กำลังพยายามที่จะสร้างความแตกต่างให้กับเสียงพากย์ด้วยการใส่ Option ในการปรับเสียงสูง-ต่ำ
- ในส่วนของเนื้อหา Prologue นั้นจะเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะป็นเผ่าพันธุ์ซึ่งความแตกต่างจะไปอยู่ในส่วนของรายละเอียดยิบย่อยแทน
- The Inquisitor(ตัวเอก) นั้นคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ Reality-shattering ซึ่งเป็นผลให้เกิดรอบแยกของ Fade ที่เปิดทางเข้าสู่ Thedas
- โดยผลจากรอยแยกของ Fade นั้น ทำให้คุณมาพร้อมกับความสามารถในการปิดรอยแยกต่างๆที่เกิดขึ้นไปทั่วพื้นทวีป
5. ฉากจบ:
- โดยสาเหตุที่แต่ละเผ่านั้นใช้เสียงเดียวกันทาง Mike Laidlaw ได้บอกกว่า “มันเป็นเรื่องของขนาดของไฟล์ ที่ถ้ามันมีถึง 8 เสียง 2 เสียงสำสำหรับแต่ละเผ่านั้นจะต้องใช้แผ่นดิสก์ถึง 14 แผ่นในการติดตั้งตัวเกมหรืออะไรประมาณนั้น เราคิดว่า 4 เสียงนั้นน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับตัวเลือกของผู้เล่น”
- Bioware กำลังพยายามที่จะสร้างความแตกต่างให้กับเสียงพากย์ด้วยการใส่ Option ในการปรับเสียงสูง-ต่ำ
- ในส่วนของเนื้อหา Prologue นั้นจะเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะป็นเผ่าพันธุ์ซึ่งความแตกต่างจะไปอยู่ในส่วนของรายละเอียดยิบย่อยแทน
- The Inquisitor(ตัวเอก) นั้นคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ Reality-shattering ซึ่งเป็นผลให้เกิดรอบแยกของ Fade ที่เปิดทางเข้าสู่ Thedas
- โดยผลจากรอยแยกของ Fade นั้น ทำให้คุณมาพร้อมกับความสามารถในการปิดรอยแยกต่างๆที่เกิดขึ้นไปทั่วพื้นทวีป
5. ฉากจบ:
- Bioware ได้สัญญาว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีฉากจบถึง 40
แบบและไม่ขึ้นกับตัวเลือกสนทนาเท่านั้นแต่จะขึ้นอยู่กับการกระทำต่างๆใน
เนื้อเรื่องด้วย โดยคุณ Darrah
ได้ย้ำชัดเจนว่าฉากจบนั้นจะแตกต่างกันอย่างมีความหมาย ซึ่งคุณจะไม่พบฉากจบ
40 แบบที่เปลี่ยนนู่นนิดนี่หน่อยแน่นอน
6. การปรับแต่งต่างๆ:
-
น้ำหนักของชุดเกราะจะไม่จำกัดเฉพาะ Class อีกแล้วนั่นหมายความว่า Rogue
ก็สามารถสวมผ้าคลุม Mage หรือ Mage ก็สามารถสวมชุดเกราะของ Warrior ได้
โดยมันจะมีค่า Fatigue ที่คล้ายคลึงกับ DA: Origins
7. ข้อมูลอื่นๆ:
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น